“ยุคแห่งการใช้ชีวิตแบบฟุ่มเฟือยและการพึ่งพาทรัพยากรธรรมชาติเป็นหลัก กำลังจะหมดลง” แม้ว่าวิทยาการและเทคโนโลยีด้านต่างๆ ของโลกจะพัฒนาและก้าวหน้าไปมาก เราสามารถติดต่อและทำธุรกิจกับผู้คนในอีกซีกโลกได้เพียงปลายนิ้ว การเดินทางหรือท่องเที่ยวไปยังดาวเคราะห์ดวงอื่นๆนอกโลกมิใช่เป็นเพียงความฝัน แต่ทั่วโลกก็ยังคงพึ่งพาทรัพยากรธรรมชาติเป็นหลัก การปฏิวัติอุตสาหกรรมเมื่อร้อยกว่าปีที่ผ่านมา ภาคอุตสาหกรรมและธุรกิจทัวโลกเติบโตกันแบบก้าวกระโดดทรัพยากรธรรมชาติทางธรรมชาติไม่ว่าป่าไม้หรือพลังงานรูปแบบต่างๆ ที่ธรรมชาติสร้างสมมาเป็นเวลานับล้านปี ถูกนำมาใช้กันเป็นจำนวนมหาศาลทุกวินาทีที่มีดำเนินชีวิตผู้คนในอดีตทรัพยากรต่างๆ มีเป็นจำนวนมาก รูปแบบในการพัฒนาของแต่ละประเทศทั่วโลกจึงเป็นไปในแนวเดียวกันคือพึ่งพาการใช้ทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่เป็นหลัก เช่นแต่ก่อนนำมันเชื้อเพลิงมีราคาถูกภาครัฐก็เร่งการสร้างถนนหนทาง และทางด่วน ส่วนภาคอุตสาหกรรมก็เร่งผลิตรถยนต์ส่วนบุคคลที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงออกมาจำหน่ายเป็นจำนวนมาก แทนที่จะวางแผนพัฒนาระบบขนส่งมวลชนและระบบสาธารณะ ทำให้วันนี้แม้ถนนหนทางจะถูกสร้างขึ้นเป็นจำนวนมากแต่ก็ไม่เพียงพอที่จะให้รถยนต์วิ่งกัน เกิดปัญหาจราจรตามมา ความต้องการน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มสูงขึ้นพร้อมกับปัญหามลพิษจากเครื่องยนต์ที่เพิ่มสูงขึ้นเป็นเงาตามตัว
ประเทศเราก็เป็นอีกประเทศหนึ่งซึ่งมีแนวทางในการพัฒนาประเทศเช่นเดียวกันกับประเทศอื่นๆ ที่พัฒนาแล้วและกำลังพยายามแก้ไขปัญหาที่ประสบอยู่ แม้เราจะมีทรัยากรด้านป่าไม้และพืชพันธุ์ธัญญาหารอย่างพอเพียง แต่ทรัพยากรในด้านพลังงานของเรามีน้อยมาก และไม่เพียงพอสำหรับการใช้ภายในประเทศ ต้องพึ่งพาการนำเข้าจากต่างประเทศเป็นหลัก ในปัจจุบันมูลค่าการนำเข้าพลังงานสูงกว่าการส่งออกผลิตผลทางการเกษตรถึง 4 เท่า โดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรมซึ่งต้องพึ่งพาการใช้พลังงานสิ้นเปลืองเช่น น้ำมัน ถ่านหิน เป็นหลัก เมื่อเกิดวิกฤติด้านพลังงาน อย่างเมื่อไม่นานมานี้ ทำให้ราคาของน้ำมันและถ่านหินเพิ่มสูงขึ้น ขณะที่ราคาของผลผลิตปรับเพิ่มขึ้นได้ไม่มากนัก จึงจำต้องพากันปิดตัวลง ทุกวันนี้มีโรงงานที่ปิดตัวลงเพราะไม่สามารถแบกรับต้นทุนด้านพลังงานนับพันแห่ง จากข้อมูลของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ทำให้ทราบว่า พลังงานสำรองน้ำมันของโลกมีให้ใช้กันอีกเพียง 30 กว่าปี ก๊าซธรรมชาติประมาณ 60 ปี และถ่านหินอีกประมาณ 200 ปี ในขณะที่ปัจจุบันความต้องการใช้พลังงานสิ้นเปลืองประเภทต่างๆ ของโลกและประเทศเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมหลายเท่าตัว อีกไม่นานเราคงจะได้เห็นราคาน้ำมันเชื้อเพลิงลิตรละ 100 บาท
ที่สำคัญพลังงานสิ้นเปลืองต่างๆ ที่เราใช้อยู่ เป็นสาเหตุหลักของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขึ้นสู่บรรยากาศและส่งผลให้เกิดปัญหาภาวะโลกร้อนซึ่งทุกคนกำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบัน เราทราบหรือไม่ว่าเมื่ออุณหภูมิเฉลี่ยของโลกสูงขึ้นอีกเพียงเล็กน้อย แต่ผลกระทบที่เกิดขึ้นมากมายจนยากที่จะประเมินได้ ไม่ว่าจะเป็นการละลายของน้ำแข็งบริเวณขั้วโลก ส่งผลให้ระดับน้ำในมหาสมุทรและทะเลเพิ่มสูงขึ้น พื้นที่บริเวณชายฝั่งลดน้อยลง กระแสน้ำในมหาสมุทรเปลี่ยนทิศ ฤดูการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง เกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติบ่อยครั้งขึ้น ปัจจัยในการดำเนินชีวิตและอาหารการกินขาดแคลน ฯลฯ
ถึงเวลาหรือยังที่เราจะต้องเปลี่ยนแปลงวิถีในการดำเนินชีวิตแบบเดิมๆ “ทางเลือกชีวิต” ในอนาคตของเราจะเป็นเช่นไร หวังว่าเวทีนี้คงเป็นกระบอกเสียงสู่ผู้บริหารประเทศและประชาชน ให้เห็นถึงความสำคัญของการใช้พลังงานทดแทน ซึ่งจะมีบทบาทและมีสำคัญเป็นอย่างยิ่งต่อการดำเนินชีวิตของผู้คนในอนาคตอันใกล้ ฉบับถัดไปจะอธิบายให้ฟังว่า พลังงานทดแทนคืออะไร หาได้จากที่ไหน จะนำมาใช้ประโยชน์ได้อย่างไร ที่ไหนใช้กันบ้างในประเทศไทย แนวโน้มการพัฒนาและส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนในประเทศ รวมถึงชุมชนแบบอย่างที่พึ่งพาตนเองด้านพลังงานทดแทน